รีวิวศัลยกรรมเกาหลีแบบละเอียดข้อมูลแน่น! จากสวยอยู่แล้วก็สวยได้อีกค่ะคุณ


          คนนั้นก็สวย คนนี้ก็สวย คนโน้นก็สวย มองไปทางไหนก็มีแต่คนสวยๆ โอ๊ย! น้องหล่ะกลุ้มค่ะ แบบนี้จะทำยังไงดีหล่ะคะ ถึงแม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะสวยอยู่แล้ว แต่ถ้าสวยขึ้นอีกมันก็น่าจะดีนะคะ ฮ่ะๆๆๆ

          ยุคสมัยนี้วิทยาการก้าวไกล การศัลยกรรมจึงเป็นทางเลือกที่จะทำให้เราสามารถสวยได้อย่างที่เราอยากจะเป็นเลยค่ะ
แล้วถ้าจะศัลยกรรมซักครั้งนึงในชีวิตหล่ะก็ ใครๆก็อยากให้ออกมาสวยสมใจปรารถนาใช่มั้ยคะ เราก็เช่นกันค่ะ ดังนั้นจากการค้นหาข้อมูลมาอย่างโชกโชนแล้ว ผลลัพธ์ที่เราได้ก็คือ ไปเกาหลีค่ะ!

แล้วโอกาสดีๆในชีวิตน้องก็มาถึง ไปค่ะไปเกาหลีกัน ตามไปดูกันว่าเกาหลีที่เค้าว่าดี จะดีจริงรึเปล่า?
          ก่อนจะตามเราไปศัลยกรรมที่เกาหลีนั้น เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า เราชื่อปังปอนด์ค่ะ เป็นคนน่ารัก สดใส ใจดี ฮ่ะๆๆๆ พอค่ะ พอๆ
       ดี๋ยวให้ contact ไว้ก่อนดีกว่า เผื่อมีข้อสงสัยอะไรก็เข้ามาถามได้นะคะ

       Facebook : Pangpond Eternal'pp

IG: pondest

          ไปค่ะ Korea Calling Me ช่วงที่ปอนด์ไปเป็นช่วงที่เกาหลีหนาวมาก คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ หนาวมากกกกกกกกกกกก อากาศติดลบทุกวัน บางวันอุณหภูมิลดต่ำลงถึง -15 องศา แนะนำว่าถ้าไปช่วงนี้เตรียมทุกพรอพที่คิดว่าจะกันหนาวได้ เตรียมไปเลยค่ะคุณ

          


อันนี้คือภาพหน้าก่อนไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีของปอนด์นะคะ หน้าก็จะประมาณนี้

         
            มื้อแรกที่เกาหลี ก็จะอร่อยๆนิดนึง คือถ้าไปต้องได้ลองไก่เกาหลีค่ะ ดีมากกกก ใครเลิฟชีส ที่นี่คือสวรรค์เลยที่เดียวเชียว และอีกอย่างที่ไม่ควรพลาดคือกาแฟร้อนในคาเฟ่เก๋ๆ ที่จะช่วยให้ความอบอุ่นกับร่างกายเราท่ามกลางอุณหภูมิติดลบแบบนี้ ฟิินค่ะ



       
          จากนั้น เราก็ไปพบคุณหมอในวันรุ่งขึ้นค่ะ ครั้งนี้ปอนด์มาที่รพ.มาอิน(MINE)ค่ะ จากการหาข้อมูลมาอย่างหนักหน่วงก็พบว่าเค้าเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับรางวัลมาเยอะเชียว ดังนั้นในเรื่องของคุณภาพ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ก็ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจค่ะ




              ครั้งนี้ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปบรรยากาศในรพ.มาให้ชมนะคะ เพราะกำลังให้ความสนใจกับรางวัลที่เค้าได้อยู่ ถ้ามีโอกาสอีก ครั้งหน้าจะเก็บภาพบรรยากาศมาให้เพื่อนๆได้ชมกันนะคะ

           
             แต่ก็ยังมีอีกเรื่องที่อาจทำให้หลายๆคนกังวลใจในการมาศัลยกรรมที่เกาหลี นั่นก็คือเรื่องของภาษาค่ะ เพราะเอิ่ม…..เราพูดภาษาเกาหลีไม่ได้นี่นา แถมภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นด้วย  แต่เราสามารถตัดความกังวลใจเรื่องนี้ได้เลยค่ะ เพราะที่รพ. นี้มีล่ามชาวไทยที่จะคอยช่วยเหลือ บอกความต้องการของเรา ถ่ายทอดให้แพทย์เข้าใจได้อย่างถูกต้อง ชัดเจนแน่นอนค่ะ แนะนำให้รู้จักล่ามค่ะ ชื่อพี่จูมิน กับพี่เร เย้ๆๆ
                ปล.ทั้งสองคนน่ารักและใจดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  คอยให้ปรึกษาตลอด อำนวยความสะดวก แถมยังพาไปทานอาหารร้านอร่อยในเกาหลี และยังแนะนำที่เที่ยวเด็ดๆ Must go อีกด้วย รักนางทั้งคู่มากค่ะ



           ในวันแรก เราได้มาปรึกษาคุณหมอค่ะ ถึงเรื่องการศัลยกรรมจมูก อ่อ! อยากบอกทริคดีๆนิดนึงง คือ ในการยมาศัลยกรรมถึงเกาหลีทั้งที อยากให้ทุกคน คิดถึงสิ่งที่ด้วยเองอยากจะได้ อยากได้หน้าแบบไหน จมูกทรงไหน อยากให้ออกมาเป็นยังไง ลองคิดก่อนที่จะมาคุยกับแพทย์นะคะ จดเอาไว้กันลืมก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดี ควรหารูปประกอบที่ชัดเจนมาเลย เพื่อจะได้สื่อสารเข้าใจกันมากที่สุด และเราจะได้รับความพึงพอใจสูงสุดด้วย

           ส่วนในครั้งนี้ปอนด์บอกกับคุณหมอว่า รู้สึกว่าจมูกของตัวเองที่เป็นอยู่ก็โอเคในระดับหนึ่ง แต่อยากให้โด่งขึ้นอีกนิด และอยากให้ดูธรรมชาติค่ะ คุณหมอเลยบอกว่า แบบนั้นทำเป็นทรง slope ปลายพุ่งดีกว่า เพราะมันน่าจะเข้ากับรูปหน้าของเรา และทรงนี้ยังดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย จากนั้นก็คุยกันว่าจะใช้อะไรมาเสริมจมูกดี ซึ่งสรุปก็คือปอนด์ใช้กระดูกซี่โครงตัวเองในการเสริมจมูกครั้งนี้ค่ะ
              เรื่องวิธีการในการเลือก prosthesis หรือ implant เสริมจมูกนั้น ปอนด์จะมาเขียนอีกทีนะคะ เพราะมันมีอยู่หลายวิธีเชียวค่ะ อยากให้ทุกคนได้รับความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อนำไปใช้เป็นทางเลือกของตนเองค่ะ

อันนี้เป็ภาพมุมข้างก่อนทำศัลยกรรมนะคะ ดั้งน้อยๆของน้อง เอ็นดู

          
             และนอกจากเสริมจมูกแล้วครั้งนี้คุณหมอแนะนำว่าควรจะฉีดไขมันด้วย เพราะว่าหน้าเราค่อนข้างตอบค่ะ ไม่มีความอิ่มเอิบใดๆ ซึ่งมันจะทำให้หน้าเราดูไม่ fresh ดูเหนื่อยล้า ไม่สดใสค่ะ แน่นอนค่ะ เมื่อคุณหมอแนะนำมาขนาดนี้ก็ต้องทำแล้วหล่ะค่ะ ครั้งนี้เราใช้ไขมันขอตัวเองเช่นกันโดยใช้ไขมันบริเวณต้นขาค่ะ คือทำหนึ่งได้ถึงสอง เพราะว่าได้เติมไขมันที่ใบหน้า และยังได้ลดไขมันยต้นขาลงไปอีก OMG!!!!! ดีงามค่ะ
                ซึ่งในส่วนของเรืองการฉีดไขมัน ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากรู้เพิ่มเติมก็ถามกันเข้ามาได้นะคะ เรื่องนี้ก็จะมาเขียนอีกที่ เป็นเรื่องยาวอีกเรื่องหนึ่งเลย


              เห็นภาพนี้อย่าตกใจกลัวนะคะ เพราะต้องเปลือยหน้าสดให้คุณหมอ plan ว่าจะทำอะไรบ้าง จากภาพจะเห็นว่าเราต้องเติมไขมันหลายจุดมาก แทบจะไม่มีเนื้อที่ว่างบนใบหน้าแล้วค่ะคุณ  แล้วหลังจากรูปนี้ชีวิตของปอนด์ในเเกาหลีก็จะมีแต่การเปลือยหน้าสดแบบนี้ไปทุกวันเลยค่ะ ต้องขออภัยทุกคนด้วย ฮ่ะๆๆๆ



          และแล้ววันผ่าตัดก็มาถึง การเตรียมตัวที่เราต้องทำคือ งดน้ำงดอาหาร หรือ NPO ตั้งแต่เที่ยงคืนของคืนที่เราจะผ่าตัดค่ะ เพราะว่าในครั้งนี้เราจะใช้วิธีดมยาสลบด้วย GA (general anesthesia) โดยเราก็จะหลับไปเลยตื่นขึ้นมาอีกทีก็ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นอีกอย่างที่เกาหลีแตกต่างจากไทยค่ะ เพราะที่ไทยเวลาผ่าตัดศัลยกรรมจมูกมักจะใช้เวลาไม่นาน ถ้าเป็นเคสที่ไม่ยากแล้วก็ไม่มี complication อะไรก็มักจะไม่เกิน 1ชั่วโมงค่ะ ซึ่งที่ไทยก็มักจะใช้วิธี LA (local anesthesia) หรือการฉีดยาชาเฉพาะที่ ฉีดยาไปบริเวณที่จะผ่าตัดเท่านั้น เราไม่ได้หลับไป

          แล้วก็มาที่โรงพยาบาลค่ะ เปลี่ยนชุด ใส่เป็นชุดของโรงพยาบาล แล้วเข้าห้องผาตัด….
          ช่วงนี้ไม่มีรูปให้ดู ต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะมัวแต่ตื่นเต้นอยู่ ไม่ได้ถ่ายมาเลย



 



         ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก….. แล้วเวลาก็ผ่านไปค่ะ 8 ชั่วโมง!!!!



                   นี่คือสภาพตอนออกมาจากห้องผ่าตัดค่ะ น้องเค้ายังมีชีวิตอยู่นะคะ ฮ่ะๆๆๆๆ :D


          ช่วงที่ออกมาก็จะงงๆนิดหน่อย เราก็จะมานอนพักที่ห้องพักฟื้นค่ะ ที่นี่ก็จะนอนอยู่อีกซัก 30นาที ถึง1 ชั่วโมง เพื่อ observe อาการหลังผ่าตัดค่ะ ซึ่งทางโรงพยาบาลเองก็จะมี order ยาให้เราไปซื้อค่ะ อ๊ะๆๆๆ หลายๆคนอาจงงว่า ทำไมโรงพยาบาลไม่จ่ายยาเองมาเลย จะทำให้ยุ่งยากทำไม คำตอบคือ เรื่องนี้เป็นกฏหมายของปรเทศเค้าค่ะ เพื่อจัดระเบียบการใช้ยา ซึ่งเราก็ได้พี่ล่ามใจดีของเรานี่หล่ะค่ะที่ไปซื้อยามาให้ ซึ้งใจไปอีก…..


                     ซึ่งยาที่ได้มาจะจัดใส่package มาเรียบร้อยค่ะ ทานง่าย พกพาสะดวกมาก 

           แล้วถ้าถามว่าเจ็บมั้ย ตอบเลยค่ะ ว่าไม่เจ็บ ไม่เจ็บจริงๆนะคะ แค่รู้สึกตึงๆ ทั้งที่จมูกแล้วก็ตรงบริเวณที่เอากระดูกซี่โครงออกมา ถ้าถามเป็น pain score ก็ประมาณ 2/10 ค่ะ คือเตรียมด้วยเรื่องเจ็บปวดมาดีมาก ยาพร้อม อาหารก็พร้อม เพราะกลัวปวด ทานอะไรไม่ได้ เดี๋ยวร่างกายจะอ่อนแอลงไปอีก แต่ความจริงแล้วคือ ไม่เจ็บเลยค่ะ เดินกลับเข้าบ้านได้สบาย แล้วแถมทานอาหารได้ปกติ เหมือนไม่ได้ผาตตัดมา 8 ชั่วโมงอีกต่างหาก /แอบช็อคไปอีก อึดมากค่ะคุณ ฮ่ะๆๆๆๆ

[


รูปน่ากลัว ต้องขออภัยอีกทีนะคะ เราเตือนคุณแล้ว ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ


           จากนั้น ด้วยความที่เรียนมาว่า หลังผ่าตัดต้องรีบ early ambulate  เราเลยตื่นเช้า พาตัวเองเดินทางฝ่าหิมะ และอากาศที่หนาว -13 องศา เดินทางไปรพ. มาอินเพื่อเข้าโปรมแกรมลดบวมค่ะ ซึ่งมันดีมากๆค่ะคุณ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นก็มาเอา gauze บริเวณหน้าผากออก และที่สำคัญคือเอา gauze ที่แพคจมูกออกค่ะเพราะว่าไม่มีเลือดไหลแล้ว ตอนนั้นดีใจมาก เหมือนได้กลับมาหายใจอีกครั้งหลังจากทำไม่ได้มานาน (ตอนแพค gauze ที่จมูกต้องหายใจทางปากค่ะ) แล้วหลังจากนั้นก็รู้สึกลั้ลลามาก พาตัวเองไปช็อปปิ้ง ฮ่ะๆๆๆๆๆ ด้วยหน้าแบบที่ทุกคนได้เห็นนี้หล่ะค่ะ ทั้งขึ้นรถไฟ ทั้งทานข้าว ทั้งเดินช็อป สบายมากค่ะ คือไม่มีใครสนใจเราเลย คุณพระ! มันกลายเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ในเกาหลีค่ะ ที่จะเจอคนสถาพหน้าแบบเราเดินตามท้องถนน ฮ่ะๆๆๆๆๆ สบายใจค่ะคุณ ช็อปวนไป



           ต้องบอกว่าเราชอบ street foods ที่นั่นมากค่ะ โดยเฉพาะที่เรียก ออมุก เพราะว่ามันหนาวค่ะ พอได้เจอน้ำซุปร้อนๆ รสชาดดีๆ เหมือนได้เจอสวรรรค์ค่ะคุณ ฟินมาก แถมพวกขนมก็ดีมากค่ะ ทานได้ทั้งวันเลย ทานไอศกรีมก็ไม่แปลกนะคะคุณ แถมอร่อยอีกต่างหาก
[






           วันที่สาม วันนี้ก็มีนัดลดบวมแล้วก็ dressing แผลค่ะ ก็คือการทำแผลนี่หล่ะค่ะ เพื่อทำความสะอาดแผล และเช็คความเรียบร้อยของแผลด้วย


           แล้วชีวิตทุกวันของเราก็เต็มไปด้วยการเดินทางออกจากบ้านแล้วไปเที่ยวในเกาหลีค่ะ ลืมไปเลยว่ามาทำหน้า ฮ่ะๆ ๆๆๆๆๆ





รูปนี้แสดงความล้มละลายของปอนด์ค่ะ

อุ้ย! ทานข้าวกับหนุ่มๆค่ะ



มาต่อกันนะคะ


                วันที่สี่ คือวันนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองสกปรกมากเกินไปแล้วค่ะ เลยขอไปสระผมนิดนึง ร้านน่ารักมาก ช่างผมมืออาชีพสุดๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องแผลเปียกน้ำเลยค่ะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนไปเกาหลี แล้วอยากทำผม เราแนะนำร้านนี้ค่ะ hair by pinkbomb ร้านน่ารัก มีโซนค่าเฟ่ด้วยน้า มีขนมอร่อยๆให้ทาน พร้อมเสริฟน้ำด้วย ฟรีนะคะคุณ ตามไปตำเลย








                   วันที่ห้า อาจจะสงสัยว่าทำไมหน้าเราดูบวมขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่ก็เข้าโปรมแกรมลดบวมอยู่ทุกวัน แถมยังมี early ambulate เพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้นตั้งแต่วันแรกๆเลย ต้องบอกเลยค่ะว่า ปกติแล้วปอนด์เป็นคนที่ช้ำง่าย บวมง่ายมากๆ แผลก็หายยากด้วย แล้วยิ่งถ้าเป็นแผลเป็นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ หายยากที่สุดในโลกเลย ส่วนตัวแล้วเราคิดว่า นี่เป็นการบวมที่น้อยกว่าที่ตัวเองคาดเอาไว้เยอะมากค่ะ

    


             
            

















              วันที่หก ก็หน้าบวมค่ะ ฮ่ะๆๆๆ อาจจะเห็นรอยช้ำสีเหลืองๆจางๆ ใต้ตานะคะ  ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะอีกซักพักก็หายค่ะ วันนี้ก็มาdressing แผล แล้วก็เอาเผือกที่จมูกออก ก็จะเริ่มเห็นทรงจมูกเราชัดเจนขึ้นนะคะ อุ๊ย! สวยง่ะ ปลายพุ่งของเรา กรี๊ดมากค่ะคุณ ถึงหน้าจะบวมอยู่ก็เถอะนะคะ






            วันที่เจ็ด วันนี้เป็นวันตัดไหมค่ะทั้งที่จมูก ที่ใต้ราวนม รวมทั้งที่ขาด้วย คุณคะนี่หล่ะค่ะ เจ็บที่สุดในการมาทำศัลยกรรมครั้งนี้แล้ว น้ำตาไหล TT หลังจาก check ความเรียบร้อยของแผลแล้ว เราก็ไปทำ treatment หน้ากันค่ะ ที่รพ.จะทำความสะอาดหน้าให้เรา แล้วก็มี treatment ให้ฟินกันไปอีก อะไรจะดีเบอร์นั้น 

               พอเสร็จแล้วก็ไปพบคุณหมอค่ะ ถือเป็นการ follow up ก่อนกลับไทย ซึ่งอยากให้เพื่อนๆดูหน้าเรา แบบbefore-after ก่อนทำ กับหลังทำ 7 วันค่ะ








             ฮ่ะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ย เราขำมากค่ะ ทำไมหน้าฉันเป็นแบบนี้ รู้สึกว่ามันบวมจนจะแตกอยู่แล้ว ทางโรงพยาบาลถึงกับต้องทำใบ certificate รับรองว่าเรามาทำศัลยกรรม เพราะกลัว ตม.ไม่ให้ออกนอกประเทศ ฮ่ะๆๆๆ อายค่ะคุณ


          หลังจากนั้น ก็เป็นการกลับมาเมืองไทย แล้วหล่ะค่ะ อากาศต่างกันสุดๆ ขอหนาวกว่านี้ได้มั้ยคะ ฮ่ะๆๆๆ มาที่ไทยก็มี activity ปกติค่ะ สามารถกลับไปทำงานได้ ช่วงแรกๆหลังผ่าตัด ถ้าใครอยากออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายแบบเบาๆก่อนนะคะ อย่าเพิ่งไปลงแข่งวิ่งมาราธอน 

              ส่วนหน้าของเราก็ค่อยๆลดบวมลงอย่างเห็นได้ชัดค่ะ
              อัพเดทให้ดูนะะคะ อันนี้เป็นภาพสิบวันหลังทำศัลยกรรม




      ภาพสิบสี่วันหลังทำศัลยกรรม



    
        ภาพหนึ่งเดือนหลังทำศัลยกรรม





           ภาพสองเดือนหลังทศัลยกรรม




            ภาพสามเดือนหลังทำศัลยกรรม


          และภาพปัจจุบันค่ะ คือช่วงสี่เดือนหลังทำศัลยกรรม



             
           จะเห็นได้ว่าจมูกของเราเข้าที่แล้วหล่ะค่ะ พอใจมาก เป็น slope สวย และที่สำคัญอย่างที่บอกตั้งแต่แรกกว่าอยากให้มันดูธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังค่ะ ดูเป็นธรรมชาติมาก เหมือนมีดั้งสวยๆแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ฮ่ะๆๆๆๆ และส่วนเรื่องการเติมไขมันเราต้องเข้าใจกันก่อนว่ามันไม่ถาวร ปกติแล้วถ้าเราเติมครั้งแรก fat จะอยู่กับเราประมาณ 3-5 เดือนค่ะ ขึ้นอยู่กับการใช้ใบหน้าของแต่ละคน ยิ่งใช้ใบหน้ามาก fat ก็สลายเร็วขึ้นค่ะ ซึ่งหน้าปอนด์ตอนนี้ fatก็น่าจะสลายหมดแล้ว เอาเป็นว่าถ้าชอบก็ฉีดใหม่ได้ค่ะ 


             เป็นยังไงกันบ้างคะ หวังว่ากระทู้แรกของปอนด์จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ทุกท่านนะคะ ถ้ามีส่วนไหนผิดต้องของอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ส่วนถ้ามีข้อสงสัย หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามปอนด์ได้นะคะ ตาม contact ที่ให้ไว้ในตอนต้นกระทู้ พร้อมตอบทุกคำถามค่า ขอบคุณมากค่ะ


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม